วัยเข้าเรียน
1
พัฒนาการทางร่างกาย ในช่วงวัยนี้อัตราการเจริญเติบโตจะลดน้อยลงเล็กน้อย
แต่ยังเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ร่างกายของเด็กจะขยายออกทางส่วนสูงมากกว่าส่วนกว้าง
ลำตัวแบน แขนยาวออก อวัยวะย่อยอาหารและระบบหมุนเวียนของเลือดเจริญเกือบเต็มที่
แต่หัวใจยังเจริญช้ากว่าอวัยวะเหล่านั้น มีฟันแท้ขึ้นแทนฟันน้ำนมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ฟันหน้ามักขึ้นก่อนฟันกรามโผล่พ้นเหงือกขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกันให้ฟันหน้าซี่อื่นๆ
ขึ้นถูกต้องตามตำแหน่งของมัน สมองมีน้ำหนักสูงสุด มีกระดูกข้อมือ 6-7 ชิ้น
ยังไม่เจริญเต็มที่ ลักษณะของตายังไม่เจริญสูงสุด สายตายังเป็นสายตายาวอยู่
การเคลื่อนไหวประสานกันไม่ดีเต็มที่ เพราะพัฒนาการของกล้ามเนื้อไม่เท่ากัน
กล้ามเนื้อตาของเด็กหญิงมักจะพัฒนาได้เร็วกว่าเด็กชาย
เด็กวัยนี้มีพลังมากจึงไม่อยู่นิ่ง ชอบทำกิจกรรมและชอบทำอย่างรวดเร็ว
ไม่ค่อยมีความระมัดระวังมากนัก ทำให้ประสบอุบัติเหตุบ่อยๆ
ต่อมาเมื่อเด็กอายุอยู่ในช่วง 9-10 ปี การเจริญเติบโตจะมีฟันเขี้ยวที่ 1
และเขี้ยวที่ 2 ขึ้น เมื่อเด็กมีอายุ 10 ปีขึ้นไป
การเจริญเติบโตจะเป็นไปอย่างรวดเร็วทั้งส่วนสูงและน้ำหนัก เด็กหญิงจะโตกว่าเด็กชาย
ทั้งด้านร่างกายและวุฒิภาวะ ประมาณ 1-2 ปี
โดยพบว่าเด็กหญิงจะปรากฏลักษณะเพศขั้นที่สองขึ้นเรื่อยๆ ได้แก่ ตะโพกผายออก
ทรวงอกเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงไป จึงมักทำอะไรงุ่มง่าม เก้งก้าง
นอกจากนี้เด็กหญิงจะเริ่มมีประจำเดือนระหว่างอายุประมาณ 11-12 ปี
ส่วนเด็กชายไหล่กว้างขึ้น มือและเท้าใหญ่ขึ้น เริ่มมีการหลั่งอสุจิระหว่างอายุ
12-16 ปี ซึ่งเป็นการแสดงว่าวุฒิภาวะทางเพศเริ่มเจริญเต็มที่
2
พัฒนาการทางอารมณ์
เด็กวัยนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์มาก
เพราะเด็กจะปรับตัวจากสภาพแวดล้อมเดิมที่บ้านไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่โรงเรียน
อารมณ์กลัวจะเปลี่ยนไปจากการกลัวสิ่งที่ไม่มีตัวตน สัตว์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
มากลัวสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง เช่น กลัวความอดอยาก กลัวไม่มีเพื่อน กลัวเรียนไม่ดี
เป็นต้น นอกจากนี้ เด็กวัยนี้ยังต้องการเป็นที่หนึ่งหรือเป็นคนแรก
ต้องการแสดงตนให้เป็นที่ชื่นชมของหมู่คณะ เด็กวัยนี้จะมีสำนึกว่าการอยู่ร่วมกับคนอื่นเดือดร้อนและรู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น
ในช่วงปลายของวัยนี้ คือช่วงอายุประมาณ 10-12 ปี
เด็กจะเปลี่ยนวิธีแสดงอารมณ์โกรธจากการต่อสู้เป็นการโต้ตอบด้วยคำพูด
สิ่งที่เด็กวัยนี้กลัวมากที่สุดคือ กลัวการไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่ม
ไม่ต้องการเด่นหรือด้อยกว่าคนอื่น เด็กจะมีการเปลี่ยนแปลงทางความรู้สึกเร็วและง่าย
จนบางครั้งทำให้รู้สึกขัดแย้งทางอารมณ์ขึ้น ในระยะการเปลี่ยนแปลง
ความกลัวจะค่อยเปลี่ยนเป็นความกังวลในเรื่องรูปร่างของตน
อยากเป็นคนแข็งแรงและสวยงาม กังวลว่าจะเกิดอันตรายกับตนเองและครอบครัวเป็นต้น
3 พัฒนาการด้านสังคม เมื่อเด็กเริ่มต้นไปโรงเรียน
อาจมีปัญหาในการคบเพื่อนบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเด็ก
แต่เมื่อได้อยู่ร่วมและเล่นกีฬากับเพื่อนๆ เด็กจะค่อยๆ
ยอมรับฟังและยอมทำตามความคิดของคนอื่น เด็กชายจะชอบกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวทั้งตัว
ส่วนเด็กหญิงจะชอบกิจกรรมที่ไม่ค่อยใช้กำลัง ในระยะตอนปลายของวัยนี้
เด็กจะให้ความสำคัญกับกลุ่มมาก จะรู้จักเป็นเจ้าของและซื่อสัตย์ต่อกลุ่ม
เลือกคบเพื่อนที่มีอารมณ์คล้ายคลึงกันและต้องการเพื่อนที่ไว้ใจได้
ชอบเล่นกับเพื่อนเป็นหมู่มากกว่าเล่นกับวัตถุ เด็กชายชอบเล่นกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อและกีฬาที่มีกฎเกณฑ์
เด็กหญิงชอบเล่นอยู่กับเพื่อนสนิท 2-3 คน
และเนื่องจากเด็กหญิงมีการเจริญเติบโตเร็วกว่าเด็กชาย
จึงเริ่มสนใจเพื่อนต่างเพศเร็วกว่า
รู้จักแต่งตัวมากขึ้นและสนใจเรื่องราวของเด็กชาย
4 พัฒนาการทางสติปัญญา ในระหว่างวัย 7 ปี
พัฒนาการทางภาษาของเด็กเจริญเร็วขึ้นรวดเร็ว รู้คำศัพท์เพิ่มมากขึ้น ใช้ภาษาพูดแสดงความคิดความรู้สึกได้อย่างดี
ความรู้สึกทางด้านจริยธรรมเริ่มพัฒนาการในระยะนี้ มีความรับผิดชอบได้บ้างแล้ว เริ่มสนใจสิ่งถูกสิ่งผิด สนใจเรื่องราวต่างๆ แต่ยังมีมีความเข้าใจลึกซึ้งถึงความจริงอาจหยิบสิ่งของของผู้อื่นมาโดยไม่ได้ตั้งใจจะขโมยมาก็ได้
เมื่อพ้นระยะนี้เด็กจะมีประสบการณ์ใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีสิ่งยั่วยุให้มีกิจกรรมทางสมองหลายประการ เช่น ภาพยนตร์
วิทยุ โทรทัศน์ และภาพการ์ตูน
เป็นต้น ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญของเด็กวัย 8 ปี
เมื่ออายุย่างเข้าปีที่
เด็กจะชอบการอ่านมาก
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสัตว์
เรื่องเด็ก
เรื่องการผจญภัยและตลกขบขัน
วัยนี้เข้าใจเรื่องเวลาดีขึ้น
สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ ระหว่างเวลากับกิจวัตรประจำวันได้ เช่น รู้เวลากินอาหาร รู้เวลาโรงเรียนเข้า รู้เวลานอน
แต่มีความรับผิดชอบที่จะนอนเองหรือตื่นเอง
เข้าใจการประหยัด เช่น
เก็บเงินค่าขนมที่ตนเองอยากได้
ความสนใจของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัยได้เช่นเดียวกับความสามารถด้านอื่นๆ
เด็กวัยนี้จะสนใจสิ่งแปลกๆใหม่ๆ ที่มีสีสันสะดุดตา สนใจสัตว์เลี้ยง ภาพระบายสี
ในช่วงปลายของเด็กวัยนี้เด็กจะเปลี่ยนความสนใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัย วิทยาศาสตร์
เรื่องที่เกิดขึ้นจริงและเรื่องของเด็กวัยเดียวกัน พัฒนาการทางสติปัญญาที่เห็นได้ชัดคือ จินตนาการสูงขึ้น เพราะได้รับรากฐานจากการอ่าน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดที่จะทำและประดิษฐ์สิ่งต่างๆ
ทั้งที่เป็นงานอดิเรกและกิจกรรมในชั้นเรียน
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือเด็กวัยนี้จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ดังนั้นนอกจากบรรยากาศที่ดีในครอบครัวแล้ว โรงเรียนก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ถ้าเด็กเริ่มเข้าโรงเรียนด้วยท่าทีหรือทัศนคติที่ดี รักโรงเรียน
รักครู
เด็กก็จะรักการเรียนและมักจะเรียนหนังสือได้ดี พ่อแม่จึงควรสร้างทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียนและครูให้แก่เด็กตั้งแต่ก่อนพาลูกไปเข้าโรงเรียนและครูก็ควรเข้าใจความรู้สึกของเด็กแต่ละคนและจัดบรรยากาศในโรงเรียนให้เด็กเกิดความรู้สึกอบอุ่น มีความปลอดภัยมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น